[WFcontest] เด็กชายกับรถไฟจักรราศี
เด็กชายผู้ที่ได้รับตั๋วรถไฟที่จะพาไปยังาภพแห่งการพยากรณ์โลกอนาคตของเขาเอง ซึ่งระหว่างที่เที่ยวชมสถานีรถไฟกับพี่ชายก็เกิดเรื่องยุ่งยากเข้า คนจะขโมยสมบัติแห่งจักรราศี เหมือนจะมีเป้าหมายไปในทางไม่ดีเสียด้วย จะทำอย่างไรดี
ผู้เข้าชมรวม
97
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เด็กชายกับรถไฟจักรราศี
“พี่ฮะ มันเหมือนฝันเลย”
“หมายถึงเหมือนไม่มีทางเป็นจริงกลับเป็นจริงอย่างนั้นเหรอ”
“ผมหมายถึง ผมเคยฝันเห็นตั๋วใบนี้ฮะ แต่ผมไม่เคยคิดว่ามันคือตั๋วรถไฟ หน้าตามันเหมือนแผ่นจารึกทองคำมากกว่า” เด็กชายกล่าว “ผมไม่เคยคิดว่าจะได้มันมาจริงๆ”
“โลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ นี่คือสิ่งที่ยืนยันเรา” ลูเซียนกล่าวอย่างหนักแน่น เขาแน่ใจแล้วว่าจากนี้ไป ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็รู้สึกทึ่งถึงความปรารถนาที่เกินคาดหยั่งได้ของมนุษย์ คงไม่มีวันได้เห็น หากว่าไม่มีปรากฏการณ์สมัครรับผู้โดยสารรถไฟต่างมิตินี้
เร็กซ์กำลังตื่นเต้นที่เขาจะได้ขึ้นรถไฟ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้ขึ้นรถไฟในชีวิต แถมยังเป็นรถไฟแห่งเวทย์มนต์ด้วย
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ผู้คนก็ยังรู้สึกต้องการคำพยากรณ์ล่วงหน้าเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ของตนอยู่เรื่อยมา มันเป็นคำที่อธิบายที่ดีได้ว่าทำไมทุกๆ ปี ผู้คนถึงแย่งกันสมัครเพื่อรับตั๋วรถไฟแห่งภาพอนาคต รถไฟจักราศี จนมีคนวิวาทเบาะแว้งแย่งกันประจำ แม้แต่ลำพังยืนรอคิวยังเบียดกันอย่างไม่เหลือพื้นที่ว่างให้เห็นแบบนั้น นอกจากกรอกใบสมัครที่หนานับมิลลิเมตรได้ ก็ต้องรอสัมภาษณ์อีก แต่เร็กซ์ไม่เคยคาดฝันว่าเขาจะเป็นหนึ่งในพันล้านคนที่ได้โอกาสนี้
รถไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรราศีเป็นรถไฟที่ราวมาจากโลกแห่งความฝัน พาหนะที่จะนำพาไปสู่ภาพแห่งอนาคตที่จะใกล้เคียงความเป็นไปได้ที่สุด ณ เวลาในตอนนั้น มันเหมือนการพยากรณ์โชคชะตาที่สามารถเห็นในรูปแบบภาพยนตร์ที่เกือบจะสัมผัสได้จริงทุกมิติ แม้ชายหนุ่มผู้ที่สร้างรถไฟแห่งจักรราศีออกมากล่าวล่วงหน้าไว้แล้วว่าภาพแห่งอนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อย่างไรก็ตาม โดยมากแล้วอนาคตของคนที่เคยขึ้นรถไฟแห่งจักรราศีนั้นก็มักจะเป็นไปตามนั้นไม่ผิดเพี้ยน ทำให้ผู้คนจำนวนปรารถนาที่จะขึ้นรถไฟ แห่กันมาสมัครเพื่อขอรับตั๋วรถไฟอย่างล้นหลามทุกๆครั้งที่มีการตั้งฐานรับสมัคร เศรษฐีจำนวนมากหาเงินมากองตั้งเพื่อแลกกับการตั๋วและการโดยสารรถไฟแห่งจักรราศีสักครั้ง ทว่าทุกคนที่พยายามจะมาซื้อตั๋วนั้นก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง ด้วยการรถไฟยึดมั่นในหลักการและกฎที่บัญญัติขึ้นไว้อย่างเคร่งครัดเสมอ นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขของผู้โดยสารรถไฟที่ประหลาดไม่เหมือนที่ไหน (ยกเว้นว่าคุณจะไปอ่านเรื่องราวอะไรบางอย่างที่เฉกนิยายแฟนตาซีซึ่งมันทำให้กลายเป็นความรู้สึกตรงกันข้าม) นั่นคือ คุณสมบัติของผู้โดยสาร ต้องมีลักษณะพิเศษหนึ่ง ความสามารถพิเศษหนึ่ง และมีความปรารถนาที่แน่วแน่หนึ่ง (คุณสมบัติมีแค่สามข้อแต่ทำไมใบสมัครกรอกข้อมูลเพื่อขอรับตั๋วรถไฟมีเป็นร้อยข้อเอกสารเป็นแผ่นปึก ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้)
ทีแรกเร็กซ์เข้าใจความหมายของคำว่าความสามารถพิเศษคือการที่มีศักยภาพความสามารถที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ระดับทรัพยากรของโลก เพราะคนที่ได้โอกาสขึ้นรถไฟจักรราศีส่วนใหญ่ก็เป็นบุคคลเหล่านั้นเป็นส่วนใหญ่ คนแรกที่ได้โอกาสขึ้นรถไฟ เป็นเด็กชายอายุสิบสี่ปี จีเนียสวัยเยาว์แห่งปีของโลก คนต่อมาก็เป็นศิลปิน ซีโอ ขององค์กรใหญ่ บางคนหลังจากได้ขึ้นรถไฟก็มีความสุขมีความหวัง บางคนก็เศร้าหมอง หรือไม่ก็ก้าวร้าวเจ็บปวด อื่นๆ ทุกปีจะมีการคัดผู้ได้รับตั๋วขึ้นโดยสารรถไฟแห่งจักรราศี แต่ว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้จัดขึ้นหลังจากที่หลายไปราวสองสามปีด้วยเหตุบางอย่างที่ทางการรถไฟไม่สามารถชี้แจงได้ โดยกำหนดผู้โดยสารปีละคนเช่นเดิม เด็กชายได้ลูเซียนพี่ชายของเขาซึ่งเป็นนายแบบและนักเขียนที่มีชื่อเสียงและคนชื่นชอบมากมายพามาส่งสมัครเป็นผู้โดยสารรถไฟจักรราศีนี้ เร็กซ์กังวลว่าเขาไม่น่าจะได้ตั๋วรถไฟที่มีหนึ่งเดียวในโลกแบบนี้ ทั้งกรอกใบสมัครที่เขียนออกมาแล้วดูธรรมดาเกินไป (เป็นครั้งแรกที่ได้กรอกแบบฟอร์มทางการในชีวิต) ไม่มีสายเลือดพิเศษ ไม่รู้ว่ามีความสามารถอะไรบ้าง เขารู้แค่เพียงว่าเขาเหมือนจะเห็นภาพอนาคตก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงเสมอ(แต่ข้อนี้ไม่ได้เขียน) แล้วเขาก็ต้องการแค่รู้ถึงตัวตนของตัวเองและตอบแทนบุญคุณพี่ชายที่ทั้งเก็บเขามาเลี้ยงและเลี้ยงดูอย่างดีเสมอมาเท่านั้นเอง ตอนสัมภาษณ์ก็ยังรับรู้ได้ว่าเขาประหม่า ไม่มีความมั่นใจ และตอบคำถามได้ไม่ครบ บางคำถาม เขาตอบว่าไม่รู้ไปด้วยซ้ำ ระหว่างที่ทุกอย่างมันดำเนินไป เด็กชายรับรู้ถึงภาพในหัว ความรู้สึกต่างๆ ในระหว่างที่ต้องแข่งขันและทดสอบคัดเลือกในที่แห่งนี้ ความปรารถนาต่างๆ และได้เห็นภาพรถไฟสีขาวมุกวาวประกายที่ล่องลอยบนท้องฟ้าปราศจากควันและเสียงเครื่องจักรอย่างที่ควรจะเป็น ภาพสุดท้ายที่ติดตาคือ บุรุษชุดขาว....
ในค่ำคืนหลังจากที่เด็กชายเข้านอน และพี่ชายนั่งทำงาน ข่าวคราวของผู้ที่ได้รับบัตรขึ้นรถไฟแห่งจักราศีก็ถูกประโคมอย่างรวดเร็วว่าเป็นเด็กชายวัยเก้าขวบซึ่งเป็นผู้โดยสารที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และด้วยความที่ยังเป็นผู้เยาว์ ผู้ปกครองสามารถเข้าร่วมด้วยได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น เช้าวันต่อมาก็มีตัวแทนจากทางการรถไฟมาเยือนและมอบตั๋วทองคำขาวให้ ทั้งคู่มองยังชายชุดขาวด้วยความแปลกใจ โดยเฉพาะเด็กชายที่รู้สึกคุ้นตากับผู้ชายคนที่มาเยือนอย่างน่าประหลาด ด้วยเคยเห็นในภาพที่เขาเรียกว่านิมิตมาก่อน
“กระผมมาจากการรถไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรราศี Holy Zodiac Archelaus Rivendell Train ครับ ขอแสดงความยินดีกับคุณเร็กซ์ เฮฟเว่น ที่ได้รับบัตรโดยสารรถไฟระดับชั้น V.I.P. พร้อมบัตรกำนัลห้องพัก Sweet จากโรงแรม ริเวนเดลล์ โรส ด้วยครับ ทางการรถไฟเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับและให้บริการอาคันตุกะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเราครับ”
เป็นเหตุทำให้สองพี่น้องได้มายืนอยู่ที่นี่.... ที่หอดูดาว
ตั๋วโดยสารนี้เปลี่ยนชีวิตเพียงข้ามคืน ทั้งเร็กซ์และลูเซียนได้ห้องพักที่ดีที่สุดและแพงที่สุดในการพักแรมก่อนเดินทางมายังสถานี ทั้งอาหารเครื่องดื่มชั้นเลิศ แม้แต่ช่วงเวลาอาบน้ำชำระร่างกายยังเป็นโรงอาบน้ำส่วนตัวโอ่อ่าอลังการ สำหรับเด็กชาย นี่คือเรื่องน่าตื่นเต้น สำหรับชายหนุ่ม นี่คือเครื่องพรางความผิดปกติบางอย่าง เขาเก็บความสงสัยมาตลอด จนเมื่อถึงเวลานัดหมาย สิบแปดนาฬิกา เวลาที่ดาวประจำเมืองส่องประกายเปลี่ยนสีทองเป็นสีเงิน ที่หอดูดาวภาคสามแห่งเบธเอล พื้นที่ทางการธรรมดาไม่มีช่องลับใดๆ มันขัดแย้งกับสิ่งที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปอย่างสิ้นเชิง ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงพร้อมร่างสูงที่ปรากฏขึ้น
“ขอต้อนรับผู้โดยสาร ที่นี่จะพาท่านมาชมยังเส้นทางสายธารดวงดาวและแผนที่โชคชะตาชีวิต ผมฮูเออร์ครับ อีกไม่กี่ก้าว ท่านจะมายังถึงสถานีรถไฟแห่งแรกที่เป็นจุดเริ่มต้น นั่นคือ สถานีคนแบกงู ที่นี่ได้เป็นเพียงสถานีต้นทางและจุดพักเนื่องจากว่าไม่ได้มีลัคนาเป็นของตัวเองแล้ว เหลือเพียงสถานีและสิ่งวิเศษประจำสถานีนั่นต้นไม้แห่งความเป็นอมตะครับ ผู้ที่ทานเข้าไปจะไม่มีวันแก่เฒ่า แต่ยังมีข้อจำกัดคืออาจเสียชีวิตได้จากกรณีอื่นเช่นการฆ่าหรือโคภัยไข้เจ็บเป็นต้นครับ ซึ่งมีงูแห่งแอสคลีเพียสรักษาปกป้องอยู่ครับ” ชายผู้เป็นผมสีบลอนด์ขาว ตัวสูงผิวขาวเปล่งปลั่งทำให้แลดูเป็นชนชั้นสูงนั้นได้โค้งคำนับอย่างอ่อนน้อม
“คุณวันนั้นที่มอบตั๋วให้พวกเรา” เร็กซ์จำได้ และมั่นใจว่านี่คือคนตามในภาพที่เคยผุดขึ้นในหัวเขา
“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งครับ คุณเร็กซ์ เฮฟเว่น และคุณลูเซียน” บุรุษสีขาวยิ้มละไม โค้งคำนับ “เชิญทางนี้ครับ” เขาผายมือเชิญให้มายังช่องทางลับในหอดูดาว มันน่าแปลกใจมาก ทีแรกทั้งคู่นิ่งงันและมองหน้ากันพักหนึ่ง ทว่า เบื้องหลังประตูไม้ที่แกะสลักอย่างวิจิตรเมื่อเปิดเข้าไปนั้นมีบันไดที่ทำจากแก้วมีเพชรเม็ดเล็กน้อยใหญ่ที่เจียระไนวิจิตรปราณีตแล้วเกลื่อนกลาดอยู่ข้างในจนเต็มแก้วนั้น ทั้งราวบันไดนั้นเองลวดลายอ่อนช้อยทำจากทองคำขาว เมื่อประตูไม้ปิดลง ทั้งสี่จะได้เห็นว่าเพชรที่อยู่ใต้บันไดแก้วเปล่งประกายดุจดวงดาวยามค่ำคืน ศิลปะบนความหรูหราอย่างแท้จริง
มันสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ แม้แต่ลูเซียนเองก็ลืมเรื่องที่ตนเคลือบแคลงไปชั่วขณะ เร็กซ์ เฮฟเว่นมองไปรอบๆ สำรวจด้วยความสนใจและอัศจรรย์ใจเป็นล้นพ้น สถาปัตยกรรม ความประณีตทางด้านศิลปะ และธรรมชาติทอันสวยงามนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการนิยามสถานที่นี้อย่างแท้จริง
“เหมือนบ้านของเอลฟ์เลยฮะ อย่างน้อยมันก็คล้าย...”
“นั่นสินะ เพราะว่ากันว่าเอลฟ์สิ่งมีชีวิตชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญทั้งศาสตร์ศิลป์ต่างๆ เพียบพร้อมไปด้วยความงามไร้ที่ติและสติปัญญาที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นใดนั้น เป็นผู้ที่รักดวงดาว นี่คงเป็นที่มาของโครงสร้างและการตกแต่งสถานีทั้งหมดที่นี่ของท่านพ่อมดเจ้าของการรถไฟน่ะครับ” ฮูเออร์ยิ้ม เขารู้สึกมีความสุขที่ได้รับรู้ทั้งในคำตอบและความในใจแบบเด็กๆ จากเด็กตัวเล็กๆ
“เจ้าของการรถไฟเป็นพ่อมดเหรอฮะ” ดวงตาสีทองเปล่งประกายกว่าเดิม
“ใช่ครับ พ่อมดผู้ที่รักดวงดาวและก็ชอบจิบน้ำชามาก” ฮูเออร์หัวเราะ
ดวงตาสีทองคมเบิกกว้างพลางขึ้นมองข้างบนฉายประกายความชื่นชม ท้องฟ้าสีเข้มไพศาล ดวงดาวเกลื่อนกลาดระยิบระยับจับตา ทั้งแกแล็คซี่ที่เหมือนอัญมณี
“ผมอยากบอกเขาว่าผมชอบที่นี่มากฮะ” เร็กซ์เหม่อมองอย่างหลงใหล “มันสวยงามจนพูดไม่ออกเลยฮะ”
“เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างหาที่สุดมิได้ครับ” ฮูเออร์ยิ้ม “เพราะที่นี่ก็รักคุณเช่นกันครับ คุณเฮฟเว่น”
เร็กซ์มองฮูเออร์อย่างแปลกใจ แต่ว่ามัคคุเทศก์แห่งการรถไฟก็เอียงคอเล็กน้อยยิ้มให้เท่านั้น เวลานั้นเองรถไฟก็เข้ามาเทียบที่สถานี มันเหมือนเรือนตำหนักมากกว่าเป็นรูปร่างของรถไฟ ล้อของมันยังทำมาจากเงินบริสุทธิ์แวววาว
“ขอเชิญครับ”
ที่นี่ทุกห้องเป็นวีไอพี (แน่นอน เพราะอุตส่าห์คัดเลือกผู้โดยสารและทดสอบไม่รู้กี่บทขนาดนั้น) ขนาดของตกแต่งอย่างม่านลูกไม้ก็ยังอุตส่าห์ทำจากผ้าฝ้ายละเอียดชั้นเลิศประสานถักกับเส้นไหมทองคำแท้ ด้วยเทคนิคและลวยลายที่ประณีตทำให้เหมือนเป็นผ้าม่ายที่ทอแสงตะวันเรืองรองงดงาม เด็กชายรับรู้ถึงพลังธรรมชาติที่เต็มเปี่ยม เตียงก็ใหญ่อลังการ มีม่านตกแต่ง มีโซฟา ชั้นหนังสือดอกไม้ ต้นไม้ พร้อมกระดิ่งที่สามารถเรียกพนักงานเพื่อร้องขอสิ่งขาดเหลือได้ตลอดเวลา และทุกคนที่ทำงานที่นี่ก็ล้วนตาหน้าตาดี เป็นมิตรและอ่อนโยน
“เป็นไงบ้างครับ คุณเฮฟเว่น มีอะไรขาดเหลือมั้ยครับ” ฮูเออร์ถาม ระหว่างที่เร็กซ์เดินเล่นอยู่ที่ห้องโถงเมื่อเสร็จจากได้พักในห้องสักพักแล้ว
“ยอดเยี่ยมมากฮะ เตียงใหญ่ นอนสบาย และก็ห้องสวยมากเลยฮะ มีทุกอย่างพร้อมข้างใน” เด็กชายเงียบไปสักพัก “สักวัน ผมจะได้ใช้เวทย์มนต์เหมือนเขามั้ยฮะ”
“โอ้ว น่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้ครับ คุณเฮฟเว่น” สีหน้าผู้พูดเจือความเห็นใจ “แล้วมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้เวทย์มนตร์แบบนั้นได้ แต่ผมคิดว่าคุณมีพลังอะไรที่เหนือไปกว่านั้นนะครับ”
ผู้ฟังสีหน้าเศร้านิดหน่อย จนกระทั่งได้รู้สึกถึงสายตาที่ถูกมอง เป็นสายตาที่แฝงความชิงชังและเคียดแค้นจนรู้สึกน่าขนลุกชวนจินตภาพว่าตอนนี้ร่างเป็นด้วยสายตาคู่นั้น ครั้นหันไปมองทางด้านประตูก็ไม่พบใครที่อยู่ด้านนอก
“ที่นี่มีแขกอีกคนเหรอฮะ”
“ไม่นี่ครับ” ฮูเออร์ตกใจ “เราคงปล่อยให้ผู้โดยสารเดินทางโดยที่ยังมีความรู้สึกไม่ดีไม่ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงตาฝาดไปเอง” ในใจของเร็กซ์เต็มไปด้วยความกังวลและสงสัย ลึกๆ ว้าวุ่นใจในเรื่องที่อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างที่นี่
“ผมมีอะไรอยากให้คุณเฮฟเว่นได้รู้” มักคุเทศก์เปิดหน้าต่างบานหนึ่ง “ลองมองแล้วฟังเสียงสิครับ”
เร็กซ์ทำตาม เขามองไปสุดลูกหูลูกตา พบว่าท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ให้ความรู้สึกสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ ยามหลับตาลงเหมือนได้ยินเสียงคลื่น ทั้งที่ไม่ควรจะได้ยิน แต่เขาได้ยิน
“ความรักของท้องฟ้า ดวงดาว แสงสว่าง สายน้ำและต้นไม้ส่งมาถึงคุณครับ” ฮูเออร์ยิ้ม
“ผมไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
“มีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ แม้ว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ในเอกภพนี้ ใต้ฟากฟ้านี้” บุรุษสีขาวยิ้ม ชุดสูทสีขาวและสีทองอ่อนๆ เป็นสิ่งที่เหมาะที่สุดสำหรับร่างนี้ ยามที่ยิ้ม ทำให้เหมือนผู้มาจากสวรรค์ที่มีเมตตา แล้วก็ทำให้เด็กชายยิ้มออก
“บางที คุณอาจจะไม่รู้ถึงบางอย่างที่ตัวคุณมี”
“ยังไงเหรอฮะ”
“อีกไม่นาน คุณก็จะรู้เองครับ จากนี้ไปไม่กี่ชั่วโมง เราจะไปชมสถานีเมษ อาณาจักรแกะทองคำกันครับ”
สถานีลัคนาราศีเมษ อาริเอส.....
ที่นี่เหมือนเป็นฟาร์มที่ห้อมล้อมด้วยสวนแมกไม้ต่างๆ แกะขนทองคำ ซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็นที่ ก็ได้เห็น ทั้งยังมีชีวิตและเชื่องอย่างน่าอัศจรรย์ เร็กซ์เคืองตาเล็กน้อยที่เจอมันใหม่ๆ ด้วยขนของมันอร่ามตาเปล่งประกายแสงสีทองเรืองรองไปหมด จนสถานีเป็นสีเหลืองทองด้วยแสงนั้น แต่ไม่นาน เขาก็พบว่ามันน่ารักและน่าเอ็นดูมาก
“มันตามผมมาด้วย” เร็กซ์ทอหญ้า แกะตัวน้อยใหญ่ตามมาเป็นพรวน พี่ชายยิ้มๆ ดูน้องชายเล่นกับแกะอย่างสนุกสนาน
“ดูเหมือน คุณเฮฟเว่นจะชอบที่นี่มากเลยนะครับ”
“ผมก็คิดแบบนั้น” ลูเซียนเอ่ย
“คงเป็นชะตาที่สมพงศ์กันแน่ๆ สุขุม ดูเป็นคนที่เป็นผู้นำ มีความคิดแบบนี้ ต้องราศีเมษเป็นแน่แท้”
“เปล่า น้องชายผม เกิดเดือน มกราคม”
............ บรรยากาศพลันเคว้งคว้าง เหมือนจะได้ยินเสียงสายลมหนาวพัดหวิวอย่างนั้น
“มีอะไรเหรอฮะ”
“เปล่าครับ คือผมกำลังจะแนะนำครับว่าที่นี่ สมบัติที่คุ้มครองสถานีคือ เหล่าแกะตัวน้อยๆ ที่นี่แหละครับ พวกมันเป็นมิตรกับเด็กและคนที่มีจิตใจอ่อนโยนเท่านั้นครับ”
“ผมเลี้ยงพวกมันได้มั้ยฮะ พวกมันน่ารักมากเลยครับ พี่ว่ามั้ยฮะ” ลูเซียนหันมายิ้มให้เด็กชายที่ขอความเห็นเขา
“ได้ครับ แต่ต้องเลี้ยงที่นี่นะครับ ต่อจากนี้ไปเป็นสถานีลัคนาราศีพฤษภนะครับ”
ราศีพฤษภ ทอรัส เต็มไปด้วยรูปปั้นวัว หากแต่เป็นส่วนของศีรษะลงมาถึงคอเท่านั้น บางส่วนก็เป็นรูปปั้นลอยตัวของวัวทั้งตัว สมบัติประจำที่แห่งนี้คือ แตรเขาทองคำที่นำมาซึ่งความสุขและความรื่นเริง เหมือนในตำนาน ยุโรปาได้พบพานความสุขหลังจากเจอองค์เทพซูส เสาและโครงสร้างอาคารทำจากหินสีขาวใหญ่ที่แสดงถึงความมีพลังและสงบ หลังจากนั้นทั้งสามคนก็มาอยู่ที่สถานีลัคนาเมถุนซึ่งถูกตกแต่งให้ทุกอย่างมีคู่ทั้งสิ้น ทั้งตุ๊กตาคนคู่ ทั้งตราสัญลักษณ์ รวมไปถึงสวนกอพุ่มไม้ การใช้โทนสีเป็นลักษณะของสีที่ตัดกัน แสดงความเป็นคู่ตรงข้าม เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตา ศิลปะที่น่าสนใจ
“ทางนี้เป็นแก้วชุบชีวิต สิ่งวิเศษที่คุ้มครองสถานีเมถุนหรือเจมินี่ครับ” ฮูเออร์ผายมือไปทางแท่นสูงที่ทำจากพื้นที่ยกระดับไล่ลงมาเป็นชั้นๆ บนยอดสูงสุดมีเรือนแก้วและหมอนอ่อนนุ่มวางแก้ววิเศษอยู่ รอบแท่นเหมือนมีบางอย่างว่ายวนอยู่ทั้งที่ก็ว่างเปล่า
“ลูกแก้วที่จะสามารถชุบชีวิตคนมาได้หนึ่งชีวิตแต่ให้ผู้ใช้กลับไปปรโลก” ลูเซียนทำหน้าอย่างครุ่นคิด
“ถูกแล้วครับ คุณลูเซียน อย่างที่นักปราชญ์ จอมเวทย์และผู้ที่เข้าใจในสัจธรรมย่อมรู้ดีว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎแลกเปลี่ยน”
“ที่เขาว่า กฎแห่งกรรม ตามความเชื่อชาวเอเชียก็....”
“ใช่แล้วครับ คุณเฮฟเว่น มันเป็นแบบนั้นแหละครับ แต่ดูเหมือนทางฝั่งนั้น จะเน้นความโหดร้ายจากการลงโทษอย่างทารุณด้วยฐานการทำความผิด การละเมิดกฎนะครับ ซึ่งลูกแก้วนี้ก็อาศัยกฎธรรมชาตินี้เช่นกัน การนำใครจากมาที่ยมโลก ก็ต้องชดใช้ด้วยสิ่งที่เท่าเทียมกัน ตามนั้นล่ะครับ เหมือนที่เด็กมีพลังพิเศษอย่างที่ผู้ใหญ่ไม่มี และผู้ใหญ่ก็สุขุมมีศักยภาพอำนาจที่มากกว่าเด็ก” ฮูเออร์อธิบาย “อันที่จริงแล้วมีหลายคนเข้าใจผิดอย่างมากว่า แก้วชุบชีวิตคือการดึงผู้วายชนม์ให้กลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิม โดยที่ผู้ใช้แก้วชุบชีวิตไม่เป็นผลอะไร แต่ในความจริงแล้วตามตำนานเล่าว่ามันคือแก้วที่ดึงผู้วายชนม์กลับมายังโลก แล้วตัวผู้ใช้นั้น ถูกดึงไปปรโลก แต่ว่าหลายร้อยปีมานี้ไม่มีใครใช้แก้วชุบชีวิตนี้เลยแม้แต่คนเดียวครับ”
“ผมรู้สึกกลัวมันอย่างบอกไม่ถูก” เร็กซ์พูดอย่างตรงไปตรงมา
“เราไปกันต่อเถอะครับ” ฮูเออร์กล่าว
หลังจาก พวกเขาทั้งหมดก็มาเยือนสถานีลัคนาราศีกรกฏ หรือแคนเซอร์ ที่แห่งนั้นเป็นสถานีที่รายล้อมด้วยทะเล มีปูเดินไปเดินมาอย่างสบายอารมณ์ แต่ละตัวล้วนตัวขนาดเท่าวัวสีต่างๆ คล้ายพลอยหลากสีที่ขยับตัวได้ สมบัติประจำสถานีคือ ผ้าคลุมวิเศษที่สามารถล่องหน หรือเดินทางไปยังดินแดนยมโลกได้ ตัวอาคารประจำสถานีนั้นตกแต่งด้วยปะการังและมุก คล้ายกับวังของเหล่าเงือก เหล่านางนิมฟ์แห่งสายน้ำอย่างนั้น ซึ่งเร็กซ์ก็คิดว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษนัก จนกระทั่งพวกเขามาเยือนสถานีลัคนาแห่งราชสีห์
“เวลานี้ เราก็มาถึงลัคนาราศีสิงห์แล้วครับ สิ่งวิเศษประจำราศีนี้ก็คือโล่แห่งสิงห์เนเมียครับ วิหารที่นี่ ส่วนมากแต่งด้วยหินอ่อนและทองคำอาบพลังอำนาจแห่งพระอาทิตย์ และตกแต่งด้วยสิงโต สัญลักษณ์ประจำลัคนานี้ เราจะสังเกตได้ว่าแต่ละสถานีจะมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน”
“ผมว่าเจ๋งดีออกฮะ”เร็กซ์ยิ้ม “มันเหมือนแต่ละคนที่มีจุดเด่นไม่เหมือนแต่มันกินกันไม่ลง”
“ถูกเลยครับ” ระหว่างที่การเดินทางเที่ยวชมสถานีแต่ละจักรราศี ก็มีพนักงานประจำรถไฟเดินเข้ามากระซิบกระซาบบุรุษสีขาว แม้ว่าเสียงนั้นเบาจนคนนอกไม่ได้ยิน
“แก้วชุบชีวิตประจำลัคนาเมถุนหายไป” ลูเซียนกลับรู้
“ท....ท่านรู้ได้ยังไง”
“อ่านปาก และก็เซนซ์ของน้องชายผมไม่เคยผิดพลาด” นายแบบหนุ่มหรี่ตาคมสวยอย่างพินิจวิเคราะห์ “มันเรื่องอะไรกันครับ”
“เอ่อ คือ...”
“ก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่ามีคนมองด้วยครับ” เร็กซ์ชี้แจง “บางทีจะมีใครซ่อนตัวในรถไฟที่พวกเราไม่รู้”
“บางทีอาจจะรู้ แต่มีคนจงใจปิด” ลูเซียนหันมามองบุรุษสีขาว “กรุณาชี้แจงด้วยครับ”
“คือ....” ความกระอักกระอ่วนทำให้บุรุษชุดขาวตะกุกตะกัก ดวงตาคมสีมรกตเข้มนั้นราวกับสามารถมองอ่านทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่ง หากโกหกแล้วล่ะก็ชะตากรรมคงลงเอยไม่สวย ทำให้ได้แต่ถอนใจอย่างช้าๆ ระบายความอึดอัด พลางนึกในใจว่าสมเป็นผู้ที่ถูกเลือกจริงๆ
“มันเป็นความลับที่สืบเนื่องมาจากเหตุที่ทำไมเราถึงปิดบริการเมื่อราวสองสามปีก่อนครับ” ฮูเออร์กล่าวแผ่วเบา “ก่อนหน้านั้น มีชายหนุ่มผู้ได้รับเลือกเป็นผู้โดยสารที่นี่ เขาเป็นแวมไพร์”
“แวมไพร์เหรอฮะ”
“เราไม่เกี่ยงเผ่าพันธุ์ของผู้โดยสารหรอกครับคุณเฮฟเว่น” คนเล่าอธิบายต่อ “แวมไพร์หนุ่มผู้นี้ ได้มีความพยายามที่จะขโมยสมบัติแห่งจักราศี ซึ่งสิ่งที่เขาพยายามจะขโมยเป็นสิ่งแรก คือแก้วชุบชีวิต”
เวลานั้นเอง เร็กซ์ เฮฟเว่นได้รู้สึกถึงภาพที่ผุดขึ้นมาในสมองอย่างรวดเร็ว แก้วชุบชีวิตแห่งเจมินี่หายไปอยู่ในมืออสูรชุดสีดำทะมึน ปลายเล็บยาวกดดับลมหายใจของพี่ชาย ทั้งฆ่าเจ้าของรถไฟ ก่อนจ่อคอของเขา ทั้งรถไฟเต็มไปด้วยเลือดและการสูญเสีย เขาสะดุ้งสุดตัว แม้แต่พี่ชายยังที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้อย่างแนบเนียนที่สุดยังตาเบิกกว้างกว้างตกใจ
“เร็กซ์”
“ผมรู้สึกไม่ดีฮะ” เขาบอกพี่ชาย
“สองสามปีที่ผ่านมา เบื้องบนพยายามหาทางแก้ไข เพื่อให้ภารกิจของเราดำเนินต่อไป จักรราศีเดินเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ผลของการพยายามหาคำตอบคือ ต้องหาผู้โดยสารที่มีความสามารถเพื่อหยุดยั้งอสูรนี้ ก่อนที่เขาจะยึดสมบัติแห่งจักรราศีทั้งหมด” ฮูเออร์คุกเข่าก้มศีรษะต่อสองพี่น้อง “ขอความกรุณาเถอะครับ”
เร็กซ์ตกใจ พลางมองหน้ากับลูเซียนพักหนึ่ง
“เข้าใจแล้วครับ” ลูเซียนตอบ “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาอยู่ไหน”
“ผมสงสัยว่าบางทีเขาอาจจะอยู่ในมุมมืดของสถานีไหนสักแห่ง บางทีอาจจะเป็นที่สถานีลัคนาเมถุน แต่ว่ารถไฟไม่สามารถย้อนได้”
“ก็แปลว่าต้องวนรอบเพื่อลงสถานีก่อนหน้านี้อีกรอบสินะฮะ” เร็กซ์ครุ่นคิด “มันอาจจะดีก็ได้ฮะ ถ้าเราพยายามหาทีละที่ คงก็ได้เจอและคุยกับเขาดีๆ”
แต่ว่า...ดวงตาสีทองหันไปเจอบางอย่างที่ผิดไป
“โล่ห์ราชสีห์เนเมียหายไปแล้ว”
ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไปเมื่อไหร่ แต่ว่านอกจากลูเซียนแล้ว ทุกคนต่างตกอกตกใจ บรรยากาศวุ่นวายโกลาหล อย่างที่ไม่ว่าไม่มีใครสามารถนิ่งเฉยได้
“เราควรจะหาคนร้ายทีละสถานี” ลูเซียนกล่าวระหว่างอยู่กับน้องชายสองคน พวกเขาแยกตัวออกมาระหว่างที่พนักงานกับฮูเออร์นั้นเดินไปมาเพื่อทำงานตรวจสอบกันอยู่
“เขาอาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ใช่มั้ยฮะ”
“คิดว่าไม่ ดีไม่ดีคนร้ายอยู่ใกล้ตัวเราไม่กี่ก้าวเองก็เป็นได้”
“พี่ฮะ ผมกลัว” เด็กชายตัวเล็กเสียงสั่น “ผมกลัวใครจะทำร้ายพี่ครับ”
“ผมสัญญาว่าจะไม่ยอมเป็นอะไรไป” เขาลูบศีรษะน้องอย่างเอ็นดู “แต่ว่าตอนนี้เราต้องแกล้งทำเป็นหาคนร้ายตามสถานีจากนี้ไปเรื่อยๆ ก่อน และต้องให้คุณฮูเออร์บรรยายแทรกอธิบายสมบัติวิเศษแต่ละสถานี บางทีสมบัติวิเศษอาจจะบอกอะไรเราได้บ้างเกี่ยวกับคนร้าย”
“คุณฮูเออร์บอกว่าเขาจะยึดสมบัติทั้งหมด ถ้าแบบนั้น แกะทองคำจะโดนลักพาตัวไปรึเปล่าฮะ ผมสงสารมัน”
“คิดว่าไม่ เท่าที่คุณฮูเออร์บอก แกะพวกนั้นมีพลังในการคุ้มครองแต่ว่าก็มีความสามารถในการรบอยู่บ้าง มันเป็นการยุ่งยากพอสมควรจะที่จะขโมยแกะสักตัว พวกสัตว์มีสัญชาตญาณที่ดีกว่ามนุษย์”
“ผมหวังว่าพวกมันจะไม่ถูกทำร้าย หรือโดนเอาไปย่างทำสเต๊กหรืออบซอส คนร้ายคงอยู่ที่นี่มานานอาจจะหิวก็ได้นะครับ”
“นั่นสินะ” เขาพยักหน้ากับเรื่องที่เด็กชายคาดเดา
สถานีราศีกันย์และราศีตุลย์ เนื่องจากต้นกำเนิดมาจากตำนานเดียวกัน ทำให้ทั้งสองสถานีสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ โดยไม่ต้องนั่งรถไฟไป ทางเชื่อมนั่นต่อนั้นยาวพอๆ กับเส้นทางความห่างของแต่ละสถานี เป็นเส้นทางสะพานทอดยาวสีขาว แต่หากเข้ามาเดินแล้วจะพบว่าทำจากแก้วที่สะท้อนสีรุ้งลาดเป็นทางยาวและเป็นวงคุ้งสวยทั้งบนพื้นและราวสะพานกว้าง สถานีลัคนาราศีกันย์จะถูกแต่งแต่งด้วยอัญมณีสีขาวประกาย รูปปั้นเทพธิดาและรวงข้าว โดยรอบอาคารสถานีเต็มไปด้วยสีทองของรวงข้าวที่พร้อมเก็บเกี่ยว ภายในมีแท่นแสดงและคุ้มครองสมบัติประจำลัคนา มันคือรัดเกล้าประดับด้วยไพลินแต่งเป็นรูปคันชั่งและโอปอลที่เรียงกันเป็นรูปรวงข้าว รัดเกล้าแห่งปัญญาและความบริสุทธิ์ ลูเซียนกับเร็กซ์สังเกตทีละจุดจนเดินข้ามสะพานมายังสถานีลัคานาราศีตุลย์ เป็นสถานที่แต่งด้วยรูปที่เป็นแกนสมาตรและคันชั่ง เร็กซ์สะดุดตากับคันชั่งที่ทำจากทอง ทองคำขาวและเงินและตกแต่งด้วยอัญมณีอยู่ในแท่นพร้อมแก้วครอบ
“และนี่คือ คันชั่งแห่งความยุติธรรมครับ โดยปกติแล้วคันชั่งนี้ได้ทดสอบด้วยกับนำสิ่งที่จะทดสอบชั่งเทียบกับอีกสิ่งหนึ่งเพื่อพิสูจน์ความสัตย์จริง เป็นต้นกำเนิดของเรื่องเล่าของมนุษย์ที่ว่าเมื่อมาเยือนโลกหลังความตายต้องพิสูจน์ความบาปความดีบริสุทธิ์ใจด้วยกับบางสิ่งบางอย่างที่เทพเจ้านำมาชั่งเทียบ” ฮูเออร์อธิบาย
“เราจะรู้ได้ยังไงฮะว่าอะไรเป็นอะไร” เด็กชายเห็นภาพคันชั่งนี้ออกจากแท่นตั้งสูง และมีคนใช้งานมัน
“สมมติว่านำหัวใจใครสักคนหรือวิญญาณสักคนมาวางไว้ที่นี่ แล้วมันมีน้ำหนักกว่ารวงข้าวของเทพธิดาแอสเตรีย ก็แปลว่า ผู้นั้นเป็นผู้ที่มีความสัตย์หรือผู้บริสุทธิ์” บุรุษชุดขาวกล่าว “เราไม่เคยนำคันชั่งนี้ใช้กับคนในองค์กรของเราครับ เพราะมันอันตรายมากๆ ว่ากันว่าคันชั่งนี้ประกอบมาจากไม้เท้าและโล่ห์ทั้งสองข้าง”
“ผมว่ามันสวยเกินกว่าที่จะเป็นคันชั่งนะฮะ”
“เราขออนุญาตใช้คันชั่งแห่งความยุติธรรมนี้ได้รึเปล่าครับ ผมคิดว่ามันจำเป็น” ลูเซียนหันมาทางบุรุษสีขาวผู้เป็นมัคคุเทศก์
“ค...ครับ แต่ว่า ที่นี่ไม่มีใครเกิดในลัคนาราศีกันย์หรือราศีตุลย์นี่ครับ”
“ผมเอง ผมเกิดวันที่สิบหก กันยายน” นายแบบหนุ่มกล่าว “น้องชายผมเกิด สิบเจ็ดมกราคม”
“โอ้ว ขอบคุณพระเจ้า”
ลูเซียนนำคันชั่งวิเศษออกมาอย่างง่ายดาย เขาพบว่าสิ่งที่ฮูเออร์บอกนั้นเป็นความจริง โล่คู่แฝด และไม้เท้า ที่น่าอัศจรรย์ มันไม่มีส้นด้ายหรือเชือกมัดระหว่างไม้เท้ากับโล่ แต่ว่ามันเหมือนอยู่ได้ด้วยแรงดึงดูดที่ลงตัวเหมาะสมกับ ถูกต้องตามตำแหน่งแห่งที่ของมันอย่างลงตัวแล้ว เขายื่นโล่อีกข้างให้เร็กซ์
“ถ้าเป็นแค่โล่ห์คุ้มกันคงไม่เป็นไร” ฮูเออร์พยักหน้ารับรองให้ผู้พูด
“ผมจะดูแลตัวเองดีๆ ฮะ” เร็กซ์บอกพี่ชาย
ครืน....ครืน.... ครืน..... เสียงสิ่งแปลกปลอมดังขึ้นพร้อมเสียงร้องโหยหวนที่ชวนขนลุก
บุรุษสีขาวกลัวจนตัวสั่นแข็งเกร็ง ขณะที่สองพี่น้องจับมือกันแน่น เร็กซ์คิดว่าบางทีอสูรหรือปีศาจอาจจะอยู่ที่นี่ แต่เมื่อสังเกตอย่าละเอียดแล้วพบว่าต้นเสียงมาจากที่ไกลไปจากที่พวกเขาอยู่
“เราไปกันต่อเถอะครับ” เด็กชายกล่าว
สถานีลัคนาพิจิก....
ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐดินแดงที่เย็นเยือก คล้ายป้อมปราการ ตกแต่งด้วยคบเพลิงรูปแมงป่อง โดยหางเป็นตัวคบเพลิง โคมไฟมีรูปร่างคล้ายส่วนหางของแมงป่อง เร็กซ์แปลกใจว่าเมื่อสมบัติประจำสถานีนั้นไม่ใช่แมงป่องอย่างที่คิด กลับเป็นดาบขนาดใหญ่ทีเงินและสีแดงตกแต่งอย่างสวยงามอยู่ในกล่องแก้วและแท่นยกสูง มีรูปสลักแมงป่องล้อมไว้
“ตอนนี้ คนร้าย อสูรได้โลห์สิงห์แห่งเนเมียไปแล้ว เขาจะมาเอาดาบไปรึเปล่าฮะ”
“เป็นไปได้” ลูเซียนตอบเรียบๆ ส่วนฮูเออร์นั้นแสดงความเห็นว่าคนร้ายต้องมาเอาสมบัติชิ้นนี้ไปต่อจากโล่ห์ราชสีห์เนเมียแน่ๆ เร็กซ์สังเกตว่าถานีที่มีอาวุธประจำอยู่ก็มี ราศีสิงห์ ราศีพิจิก ราศีตุลย์ (ไม้เท้านี่นับเป็นอาวุธรึเปล่านะ) มันเป็นยากที่จะคาดเดาได้ว่าสถานีต่อไป สมบัติประจำที่คุ้มครองอยู่จะเป็นอะไร
“ถัดจากนี้คือ สถานีคนแบกงูใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ คุณเฮฟเว่ฟ สถานีออร์ฟิอัส หรือแอสคลีเพียสจะคั่นระหว่างสถานีพิจิกกับสถานีธนู แต่ว่ามันก็มีทางเชื่อมไปยังสถานีลัคนาราศีเมษอยู่ครับ ดูเหมือนเรื่องจะเริ่มเกิดขึ้นตอนที่เราอยู่สถานีราศีสิงห์”
เร็กซ์รู้สึกว่าสิ่งที่น่าห่วงไม่ใช่อาวุธ หากแต่เป็นอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากนั้น อาจจะเป็นแกะทองคำตัวน้อยๆ ทั้งหลาย แตรเขาแห่งพฤษภ หรือว่าแก้วชุบชีวิต หรือรวงข้าวแห่งเทพธิดา ตอนนี้เหลือราศีธนูกับราศีมังกร กุมภ์และมีนที่ยังไม่รู้ว่าสมบัติประจำคุ้มครองนั้นคืออะไร แต่เขารู้สึกว่าราศีธนูก็คงไม้พ้นธนู
“เห็นได้ยินมาว่าสมบัติประจำราศี คุณสมบัติเยื้องต้นของผู้ใช้คือต้องอยู่ภายใต้ลัคนาราศีนั้นๆ”
“ถ้าแบบนั้น คนร้ายก็เป็นชาวราศีสิงห์ใช่มั้ยครับ” เร็กซ์ถาม “แต่พี่ฮะ ผมคิดว่าบางทีคนร้ายอาจจะลวงพวกเราก็ได้นะครับ ถึงใช้การไม่ได้ แต่ถ้าขโมยไปได้ ก็ทำให้ไขว้เขวได้”
“ก็เป็นไปได้ แต่ว่าการคุ้มครองสมบัติ เราก็เห็นว่ามันค่อนข้างแน่นหนาพอสมควร” นายแบบหนุ่มแตะริมฝีปากครุ่นคิด
“เป็นไปไม่ได้ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ โล่ราชสีห์เนเมียนอกจากกล่องแก้วที่ลงเวทย์มนต์คุ้มครองแล้ว ภายนอกยังมีสายฟ้าคุ้มครองอยู่ คนร้ายเอาไปได้ยังไง”ฮูเออร์เดินไปเดินมาอย่างวิตกจริต
“คุณฮูเออร์ครับ สมบัติ อีกสี่ชิ้นที่เหลือของอีกสี่สถานีคืออะไรบ้างครับ”
“เอ่อ...” บุรุษสีขาวคล้ายเพิ่งหลุดจากภวังค์ “ธนูคีรอน ที่สามารถยิงออกไปแล้วเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำดังใจของผู้ใช้ อัญมณีแห่งสายน้ำที่เปลี่ยนร่างเป็นเงือกได้ คนโทน้ำอมฤต และด้ายพรหาลิขิตครับ”
ลูเซียนได้คำตอบจึงเดินไปหาน้องชายที่ยืนขบคิดอย่างเอาจริงเอาจัง “ถ้าเป็นเร็กซ์เป็นคนร้าย จะขโมยอะไรเป็นอย่างแรก”
“สมุนไพรอมตะ แกะทองคำพิทักษ์ แตรเขาสันติสุข แก้วชุบชีวิต ผ้าคลุมวิเศษ.... โล่ราชสีห์เนเมีย รัดเกล้าปัญญาแห่งพรหมจรรย์ คันชั่งความยุติธรรม .....ดาบพิจิก ธนูแม่นเป้าคีรอน อัญมณีสายน้ำแคปริคอร์น คนโทน้ำอมฤต ด้ายพรหมลิขิต ผมว่าถ้าผมเป็นคนร้าย ผมต้องขโมยผ้าคลุมก่อน เพื่อจะได้ขโมยชิ้นอื่นๆ สะดวก ถ้าไม่ติดเรื่องเงื่อนไขของลัคนาราศีตัวเองนะครับ ไม่งั้นต้องมีใครสักร่วมมือใช้สมบัตินั้นให้เพื่อขโมยชิ้นอื่นๆ ต่อได้”
“นั่นสินะ แต่ว่าผ้าคลุมวิเศษนั้นกลับยังอยู่ ที่หายไปกลับเป็นโล่สิงโตเนเมีย” ลูเซียนเริ่มรู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างที่ผิดไป
“ผมเคยอ่านพวกที่เป็นนิยายนักสืบอยู่บ้าง อืม...บางทีคนร้ายอาจจะไม่ได้คิดจะขโมยแต่จงใจใช้อะไรพรางให้พวกเราเขวก็ได้นะครับ บางทีอาจจะเป็นเวทย์มนต์”
“แต่เราก็ไม่ได้ไปดูที่สถานีเจมินี่จริงๆ นี่....” แต่แล้วลูเซียนก็มีสีหน้าเหมือนเขาคิดอะไรออก หันไปทางฮูเออร์
“มีอะไรเหรอครับ” ฮูเออร์สีหน้างุนงง
“ไม่มีอะไรครับ เราไปต่อเถอะครับ เราค่อยๆ หา แล้วมาหยุดที่วิหารเมถุนกันครับ ผมคิดว่า ถ้าหาที่ไหนไม่เจอจริงๆ บางทีคนร้ายอาจจะอยู่รออยู่ที่สถานีนั้นแล้วก็ได้”
ธนูคีรอนยังอยู่ที่สถานีลัคนาราศีธนูอย่างที่เร็กซ์กับลูเซียนคิดจริงๆ สถานีลัคนาราศีธนูมีอนุสรณ์คีรอนอยู่ ด้านหน้าทางเข้าเป็นอนุสรณ์รูปคีรอนเซนทอร์ในตำนานกำลังง้างธนูไปข้างหน้า ว่ากันว่าศรธนูของคีรอนจะชี้ไปทางสิ่งชั่วร้ายบุกเข้ามาเสมอ ซึ่งแปลว่าหากรูปปั้นคีรอนเบี่ยงไปทางอื่น นั่นคือ สิ่งชั่วร้ายนั้นอยู่ทางทิศที่ศรธนูชี้ แต่ถ้าหากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ นั้นกลับบุกรุกมาทางสถานีแห่งซาจิทาเรียสเองแล้ว ธนูจะบินพุ่งปักยังสิ่งชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย และนั่นคือสิ่งที่สั่นคลอนข้อสันนิษฐานของลูเซียน เมื่อระหว่างที่มัคคุเทศก์นั้นยังบรรยายเกี่ยวสถานีราศีธนูกลางจวนจะจบ
“เราจะเห็นได้ว่า โครงอาคารซาจิทาเรียสเป็นรูปทรงโดม ตกแต่งผนังและพื้นกำแพงบางส่วนด้วยกระจกแก้วโมเสส มีจุดเด่นแลนด์มาร์คของที่นี่คือ อนุสาวรีย์คีรอน เซนทอร์ในตำนาน และมีพลังวิเศษลึกลับอย่างที่ผมเล่าไปก่อนหน้านี้นะครับ การตกแต่งมุ่งเน้นไปทางสีสันต่างๆ ของใบไม้ซึ่งแทนป่าของเซนทอร์ที่อาศัยอยู่ทำให้ดูอ่อนช้อยทั้งแข็งแกร่งไปพร้อมกัน”
ออกไป... จงไปที่ควรจะอยู่ของแก ออกไป..... เร็กซ์ได้ยินเสียงนี้ระหว่างฟังการบรรยาย มันก้ำกึ่งระหว่างเสียงก้องในหัวกับเสียงแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง เป็นคำของนักรบผู้หนักแน่นเด็ดเดี่ยว ฮึกเหิม และขึ้งโกรธ ทำให้เขารู้สึกมึนหัว โลกเหมือนจะหมุนไปอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว แล้วเด็กชายก็ล้มลงวืด จนพี่ชายตกใจวิ่งไปอุ้มขึ้นมา ทั้งที่ลูเซียนรู้สึกว่าฮูเออร์พยายามวิ่งมาดูแต่ไกลๆ แล้ว แต่ว่า
“อ๊ากกกกกกกก” บุรุษสีขาวพยายามกัดฟันกรอดทนความเจ็บปวด แต่ว่ายังมีเสียงของความเจ็บปวดลอดออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณฮูเออร์” นายแบบหนุ่มเห็นว่าอีกทางได้แผลฉกรรจ์ เขาปฐมพยาบาลให้น้องก่อนก่อนวางบนพื้น แล้ววิ่งไปที่มัคคุเทศก์ ฉีกชายเสื้อผ้ายืดบางส่วนมาพันแผลหลังจากที่พยายามปลดนำธนูออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นได้พึมพำเป็นภาษาอะไรบางอย่างที่ฮูเออร์ไม่เคยได้ยินมาก่อนและฟังดูคล้ายบทกลอน ไม่นานแผลนั้นมันสมานตัวโดยที่คนเจ็บไม่รู้ตัว ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีแสงเรืองออกมาเล็กน้อย
“คุณลูเซียนเป็นใครกันแน่”
“คุณต่างหากเป็นใคร มีอะไรปกปิดพวกผม” นายแบบหนุ่มย้อนถาม ใบหน้าหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์แม้ยามจ้องเขม็งทำถมึงทึง
“ผมก็ฮูเออร์ไงครับ” ข้างหลังผู้ตอบมีควันสีดำผุดขึ้นมา คือคำตอบเป็นที่ประจักษ์แก่ชายหนุ่ม
“มีอะไรเหรอฮะ” เร็กซ์เพิ่งได้สติขึ้นมาต้องตกใจที่พี่ชายวิ่งไปอ้าแขนป้องและชี้ไม้เท้าไปทางบุรุษสีขาว
“หลักฐานศรคีรอนก็ยืนยันอยู่อย่างนี้แล้วยังจะปากแข็งอีก”
“รู้จนได้สินะ สมเป็นผู้ที่ถูกเลือก ทีแรกตั้งจะรอไปจนกว่าจะถึงสถานีเจมินี่อยู่แล้วเชียว” เวลานั้นฮูเออร์ก็เปลี่ยนไป แสยะยิ้ม ดวงตาแดงก่ำ และปลายเล็บที่ยาวคม
“แวมไพร์คนร้ายตัวจริงอยู่ที่นี่นี่เอง” ลูเซียนตำหนิตัวเองในใจที่คาดเดาสถานการณ์คลาดเคลื่อนไป
“ปีศาจ.... แวมไพร์ คนที่เคยเห็น” เร็กซ์ตกใจที่เจอคนร้ายตัวจริงอยู่ตรงหน้าความน่ากลัวนั้นทำให้ห่างไกลความเป็นมนุษย์อยู่ไม่น้อย
“ข้าคือสม็อก ดราโกเมียร์ผู้ที่ถูกเลือกมาสถานีรถไฟนี่คนก่อน ข้าอยู่ที่นี่มานาน ถูกมันขังเอาไว้เห็นอะไรๆ จนพอรู้อยู่ว่านอกจากนายเจ้าของรถไฟบ้านี่แล้ว ก็มีแต่ผู้ที่มีสายเลือดเอลฟ์เท่านั้นจะใช้พลังสั่งการธรรมชาติแวดล้อมที่นี่ได้ และควบคุมสมบัติแห่งจักรราศีทั้งหมดได้ แล้วข้าก็พอรู้อีกเช่นกันว่าแกเป็นแค่มนุษย์ ได้เด็กน้อย ลำพังได้แค่ใช้อัญมณีแห่งสายน้ำได้ก็เหลือแหล่แล้วใช่มั้ย”
นายแบบหนุ่มตั้งท่าพร้อมต่อสู้ ทำให้อสูรร้ายหรี่ตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ข้าก็ขอเดาว่าเจ้านี่ เคี้ยวยากหน่อย เห็นว่ามีทักษะพิเศษ ใช้เวทมนต์เป็น คงมีสายเลือดอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่เอลฟ์แน่” แวมไพร์วิเคราะห์
“..... ขอความกรุณาหยุดทุกอย่างไว้ตรงนี้เถอะครับ” ลูเซียนกล่าวอย่างใจเย็น
“ขอประทับใจในคำพูดที่สวยหรูนิ่มนวลกับคนอย่างข้าแต่ว่า ขอปฏิเสธ” ฮูเออร์พึ่งตรงเข้ามาทันที พร้อมใช้อาวุธที่ติดตัวมามีดยาวเข้าฟันกับลูเซียนทันที เร็กซ์ตกใจกลัวว่านี่จะเป็นอย่างที่เขาเคยเห็นในภาพนิมิต
“พี่ฮะ”
“...” ลูเซียนเหงื่อซึม ไม่คิดว่าแวมไพร์จะมีเรี่ยวแรงมหาศาลอย่างที่เขาเผชิญมาก่อน ความเร็วทั้งคู่สูสี โดยที่นายแบบหนุ่มเหนือกว่าเล็กน้อย แต่ว่าความรุนแรงในการลงโจมตีอาวุธนั้นฝ่ายตรงข้ามแรงกว่าจนน่าหวั่นใจว่าถ้าต้องใช้ไม้เท้าต้านรับต่อไปเรื่อยๆ อาจจะเสียทีได้ เร็กซ์กระวนกระวายใจเกินกว่าจะมีสมาธิว่าอย่างเขาควรจะทำอย่างไรต่อ จนกระทั่งพี่ชายพยายามเป็นฝ่ายรุกโจมตีบ้าง
“ใช้ไม้เท้าแห่งความยุติธรรมไม่เป็นก็ไม่มีความหมายหรอก ถึงจะอุตส่าห์ได้โอกาสจากพลังแห่งลัคนาที่เกิดก็เถอะนะ” แวมไพร์ยิ้มเยาะแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเด็กชายปาศรธนูคีรอนมาที่ตน ปฏิกิริยาตอบโต้คือ การรับและขว้างกลับไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายตรงข้ามที่ถืออาวุธนั้น ไม้เท้าที่ประดับอัญมณีได้เปล่งแสงเรืองรอง คลื่นลำแสงพุ่งโจมตีจนสม็อกกระเด็นแผลไหม้ไปหลายส่วน การเคลื่อนไหวยังเร็วพอที่จะคว้าเด็กชายไว้ได้
“ถ้าแกริอ่านสู้ต่อ ฉันฉีกเนื้อเด็กนี่กินแน่”
“เร็กซ์” ดวงตาสีมรกตฉายแววความตกใจและกริ่นเกรง
เด็กชายรู้สึกหายใจไม่ออก ลำคอถูกบีบแน่นจนเจ็บและอึดอัด
“ชีวิตเด็กเล็กนี่มันเปราะบางนะว่ามั้ย” สม็อกแสยะยิ้ม “ลำคอที่ไม่เคยผ่านการการกัดนี่มันน่าเย้ายวนดี ยิ่งเด็กที่เลี้ยงดูมาอย่างดีด้วยแล้วล่ะก็”
“ถ้าแกทำอะไรเด็กคนนั้น แกไม่เหลือซากแน่”
“เป็นครั้งแรกที่เหมือนได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของใครสักคนแบบนี้” สม็อกหัวเราะลำคอ
“ปล่อยพี่ชายผมไปเถอะฮะ” เร็กซ์น้ำเสียงวิงวอน
“ไม่น่าจะได้นะเด็กน้อย แต่ถ้าชีวิตแกมอบให้ฉันก็ไม่แน่นะ”
“แล้วคุณจะเอาชีวิตผมไปทำไมฮะ ฆ่าผมแล้วไม่ช่วยให้คุณมีสองชีวิตขึ้นมาหรอกนะครับ ผมแค่คนธรรมดา ส่วนคุณเป็นแวมไพร์ มีความสามารถพิเศษที่เหนือกว่ามากมาย ถ้าไม่นับว่าโดนแสงอาทิตย์กับเงินบริสุทธิ์ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรมเลย”
“โลกนี้ไม่เคยมีความยุติธรรมหรอกนะ” แวมไพร์หัวเราะ “เหมือนกับข้าที่สูญเสียภรรยาไป”
“.....”ชายหนุ่มหรี่ตามองอย่างครุ่นคิดและระมัดระวังตัว
“ข้าสูญเสียภรรยา เหมือนโลกมันสูญสิ้นพังทลายไปต่อหน้าต่อหน้า ข้าฝันเพียงว่า หากได้มายังรถไฟจักรราศี วันนั้นข้าจะได้ภรรยากลับมา เจ้าโง่คนดูแลการรถไฟนี่ไม่ยอมให้ข้าใช้แก้วชุบชีวิต แต่ข้าไม่สามารถทนมีชีวิตอันน่าสมเพชแบบได้หรอก!!!!!!”
“อึ่ก....” เด็กชายรู้สึกเจ็บหนักมากขึ้น สติเริ่มเลือนราง “ภรรยาของคุณคงไม่อยากให้คุณต้องทำแบบนี้หรอกนะครับ”
“พวกแกไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าความเหงาโดดเดี่ยวเป็นยังไง!!!!!!”
“ผมรู้สิ” ลูเซียนตอบเสียงแผ่วเบา “แฟนผมถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อหน้าต่อตา ไม่มีใครหรอกจะลืมลงหรอก”
“เพราะแกมันไม่เข้าใจ เพราะแกมันไม่เหมือนกับข้า คนที่กึ่งเป็นกึ่งตายอย่างข้า ที่มันไม่เหลือใครเลย”
“ก่อนที่ผมจะได้พบน้องชาย ผมสูญเสียคนที่ผมรักและถูกองค์กรตามล่า สูญเสียความทรงจำบางส่วนไป ระหว่างที่ผมคิดรับมือกับสิ่งที่ต้องเผชิญ ผมคิดถึงแต่เธอ ไม่ว่านานผ่านไปแค่ไหน” นายแบบหนุ่มเล่า “น้องชายผมก็ถูกพรากจากครอบครัวตั้งแต่ยังแบเบาะ ไม่ว่าใครก็ต้องมีเรื่องที่สูญเสียทั้งนั้น”
“.....” สม็อกกัดฟันกรอด “ยังไงข้ายกโทษให้พวกในรถไฟไม่ได้ ไม่มีทาง ไม่มีทาง”
“อ่อก....” เร็กซ์ไอแค่กๆ หลังจากได้อากาศสูดหายใจ เมื่อถูกแวมไพร์เหวี่ยงกระแทกกับฐานอนุสรณ์ ทำให้ร่างเล็กๆ มึนงงขยับตัวไม่ได้ แวมไพร์หิ้วเด็กชายขึ้นมาเหมือนจับหนูตัวน้อย
“แกเลือดออกยางออกแล้วนี่” คนร้ายยิ้มเยาะ ที่เห็นแผลถลอกและแผลตามแขนที่เลือดซึมออกมา “ข้าเริ่มอยากรู้แล้วว่าพี่ชายของแกมันทำจริงอย่างที่ปากพูดหรือเปล่า ถ้าแกเป็นมื้อแรกในรอบหลายปีของข้าแล้ว มันจะทำยังไง”
ลูเซียนอาศัยโอกาสที่แวมไพร์เล่นงานเร็กซ์นั้นพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเหมือนเป็นการให้อีกฝ่ายยุ่งอยู่กับต่อสู้ได้ไม่นาน จากนั้นดวงตาสีมรกตจ้องอีกฝ่าย จนแวมไพร์นิ่งงันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะตะโกนร้องโหยหวนเสียงดังและเริ่มฟาดฟันใส่เขาอย่างไร้ทิศทาง นายแบบหนุ่มหมุนตัวพลิกเอาไม้เท้าโจมตีอีกฝ่ายจนปลดอาวุธฝ่ายตรงข้ามสำเร็จ แต่แวมไพร์ใช้ปลายเล็บที่ยาวสร้างแผลให้
“อึ่ก”
“ข้าจะสงเคราะห์แกให้ละกันจะได้ไปอยู่กันแฟนของแก”
“อย่าทำร้ายพี่ของผมนะ”เร็กซ์พุ่งตัวกระแทกผลักคนร้ายไปอีกทางจนล้มกลิ้งไป ส่วนตัวเขากระแทกกับพื้น
“อุตส่าห์จะสงเคราะห์พวกแกทีละคนแท้ๆ ชิ... นี่มันอะไรกัน” สม็อกพบว่าตัวเองปวดร้อนทรมานทั้งที่ไม่มีแผล มันปวดแสบปวดร้อนเหมือนกับเมื่อเผลอต้องแสงอาทิตย์ ความเจ็บปวดมันมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องล้มลงไป หลุดออกมาจากร่างของฮูเออร์ทิ้งไว้ให้หมดสติอย่างนั้น
“นี่แกเป็นตัวอะไรกันแน่”
“....” ดวงตาสีทองสวยงามได้เรืองขึ้น ร่างเด็กชายนิ่งสงบแต่ว่าทุกอย่างรอบๆ นั้นพลันเปลี่ยนไป ชายหนุ่มผู้ครอบครองไม้เท้านิ่งค้างเหมือนถูกสะกดให้จ้องมอง ปลายนิ้วของเด็กชายมีลำแสงนวลวิ่งไปรอบๆ ดวงดาวคล้ายจะตอบรับในการตื่นของสายเลือดในตัวเขา
“เอลฟ์อย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ชนเผ่าโบราณแบบนั้นมันไม่อยู่โลกนี้นานแล้วนี้”
ธนูศรขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาอยู่ในมือเด็กชายอย่างเหมาะเจาะเขาง้างลูกธนูทองคำและเงินบริสุทธิ์ขึ้นเล็งไปทางอสูรร้าย สม็อกเห็นท่าไม่ดี จึงเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่ามันเอาแก้วชุบชีวิตไปด้วย
เร็กซ์ฝีเท้าที่เร็วจนน่าตกใจ เขาขึ้นยังรถไฟ เข้าห้องบังคับการที่มีเพียงฮูเออร์เท่านั้นที่ขับได้และควบคุมรถไฟให้ออกเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ลูเซียนเกาะอยู่ทางท้ายขบวนไว้เกือบไม่ทัน เขาครุ่นคิดอยู่ว่านั่นใช่น้องชายตัวเล็กๆ ของเขาจริงหรือ เร็กซ์ไล่ตามกระแสจิตอกุศลของแวมไพร์ถึงขนาดที่ว่าลงทุกสถานี ด้วยได้ร่องรอยของกลิ่นของกระแสจิตจางๆ ทั้งสถานีแคปริคอร์นราศีแพะทะเลหรือมังกรที่เป็นอาคารหินสีฟ้า แก้วอัญมณีสีแห่งสายน้ำซึ่งตกแต่งด้วยดอกไม้ พืชพรรณแมกไม้ใหญ่ที่เป็นต้นกำ นิดของน้ำ ขอบช่องอาคาร ตกแต่งผนังกำแพงด้วยเงินและพลอย เหมือนอยู่ในโลกใต้น้ำ มีเหล่าหญิงสาวที่มีหางเป็นปลาและแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบนั้นเป็นจุดเด่นของที่นี่
ตามด้วยสถานีราศีกุมภ์หรืออควาเรียสที่ซุ้มประตูอาคารตกแต่งด้วยรูปปั้นเด็กหนุ่มที่ถือคนโท ต่างอากัปกิริยา ตกแต่งด้วยหินอ่อน แวดล้อมไปด้วยน้ำพุ มีอาคารที่คล้ายกับปราสาทที่ทำจากน้ำแข็งเหมือนแก้วที่ทอแสงรุ้งยามต้องแสงสว่าง มีสายลมพัดผ่านเสมอ บางครั้งก็มีหิมะโปรยปรายราวเกล็ดเพชรร่วงลงมาเป็นระยะ จากสายน้ำของแคปริคอร์นผ่านมาสู่คนโทน้ำพุแห่งควาเรียสนั้นจนมายังสถานีแห่งพิซซิส ซึ่งทั้งสถานีมีบางอย่างที่เหมือนแก้วทรงกลมใสครอบเอาไว้ เป็นพื้นที่ที่แยกออกมาจากท้องฟ้าดวงดาว ภายในบรรยากาศเหมือนพื้นที่สำหรับความรัก มีอนุสรณ์รูปปลาคู่ประดับรอบๆ มีสะพานสีขาวท่ามกลางสายน้ำใสสะอาด กามเทพประดับใกล้ๆ รูปปั้นเทพธิดาแห่งความงามและความรักเป็นจุดเด่น สุดท้ายดอกกุหลาบสีต่างๆ บานสะพรั่งอยู่เสมอไม่ขาดสาย บางครั้งก็ เด็กชายพยามใช้เวลาให้น้อยที่สุดในการสำรวจ ส่วนนายแบบหนุ่มก็ลงมาจากตัวรถไฟ มาหาน้อง
“ทางนี้ต่างหาก” แวมไพร์ร้ายยิ้มเยาะเย้ยพลางหันไปทางพนักงานของฮูเออร์ที่ถูกสะกดจิต “จัดการเด็กน้อยนั่นกับผู้ชายคนนั้นเลย”
“ชายคนนั้นถือดาบแห่งพิจิก ราศีพิจิกอย่างนั้นเหรอ” เร็กซ์นึกในใจ เขาไม่สามารเล็งธนูไปยังฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยอีกฝ่ายถูกครอบงำบังคับใช้ร่างกายอยู่ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าอีกคนจะถือโล่ราชสีห์เนเมียด้วยรึเปล่า แต่ว่าพอเห็นอีกคนถือมา ก็ถึงได้รู้ว่าเป็นความจริง ตอนนี้มีดาบพิจิ โล่ราชสีห์และ แก้วชุบชีวิตเมถุนอยู่ในมือแวมไพร์แล้ว ส่วนฝั่งเขามีธนูแห่งคีรอน และไม้เท้าโล่แห่งตุลย์อยู่ซึ่งไม้แน่ใจว่าจะรับมือไหวหรือเปล่า ไม่นานนัก เขาก็สังเกตบางอย่างที่กำลังวิ่งมา จากจุดเล็กๆ สีทองค่อยขยายใหญ่ขึ้น ภาพชัดเจนขึ้นและมากันมากขึ้น เด็กชายรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างที่สุด
เหล่าแกะทองคำเป็นฝูงกำลังวิ่งมาหาเขา พวกมันมาจากสถานีเมษมาที่นี่ได้ยังไง
“แกะทองคำแห่งอาริเอสนี่ ทำไม” แวมไพร์ตกใจ
เหล่าแกะน้อยใหญ่มันได้ยืนหน้ากระดานปกป้องเร็กซ์ เสียงร้องของพวกมันดังเป็นระยะ กลายเป็นกองทัพสีทองอร่ามตาเหมือนเป็นทะเลสีทองก็ไม่ปาน เด็กชายนึกถึงคำพูดของฮูเออร์ขึ้นมาทันที
ที่นี่ก็รักคุณเช่นกันครับ คุณเฮฟเว่น....
“พวกนายก็จะสู้ไปกับฉันใช่มั้ย” เร็กซ์มองหน้าแกะตัวหนึ่ง ซึ่งพวกมันยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนตอบรับเขา ส่วนลูเซียนก็รู้สึกอัศจรรย์ในสิ่งที่เรียกว่าสายเลือดของเอลฟ์ที่เขาว่าในตำนาน
“แค่เด็กกับแกะเชื่องๆ ลงมือซะ” แวมไพร์สั่ง
“แบระ...” แกะตัวที่ใหญ่ที่สุดร้องเหมือนคุมฝูงของพวกมัน พวกที่เหลือพากันเบนขยับตัวและใช้ขนของมันสะท้อนแสงอาทิตย์ที่เวียนผ่านมาพอดีจนแวมไพร์นั้นผวา
“บ้าน่ามีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ” สม็อกเร่งควบคุมจิตใจของพนักงานอีกสองคน “รีบๆ จัดการซะ”
“ไม่มีทาง” ลูเซียนเร่งรุดต้านด้วยไม้เท้าป้องกันให้น้องชาย ส่วนผู้ถือโล่ราชสีห์เนเมียก็หันมาจัดการกับเร็กซ์แทน ด้วยการใช้หมัดและโล่ป้องกัน
“เราไม่เคยต่อสู้มาก่อนเลย คงมีช่องโหว่ไม่มากก็น้อย” เด็กชายนึกในใจระหว่างที่หาทางหยุดฝ่ายตรงข้าม ด้วยจากการโจมตีแล้ว หากพนักงานคนนี้ไม่เคยมีศิลปะการต่อสู้มาก่อนแล้ว เป็นไปได้ว่าแวมไพร์นั้นมีความสามารถในการต่อสู้ไม่มากก็น้อย เพราะแม้จะขาดอาวุธแต่เทคนิคการต่อสู้เหนือชั้นกว่ามาก ทำให้เหมือนฝ่ายตรงข้ามรุกอย่างหนักและได้เปรียบ
“แบระ...” พวกแกะตัวเล็กตัวน้อยพยายามเข้ามาเบียดจนคู่ต่อสู้ของเด็กชายขยับไม่สะดวกและต้องเตะพวกมัน เร็กซ์ตัดสินใจเตะ และขัดขาพนักงานที่ถูกครอบงำจนล้ม ในที่สุดโล่ราชสีห์เนเมียก็เป็นอิสระ
“พี่ฮะ” เร็กซ์ตะโกน ทั้งขว้างโล่แห่งไลบร้าหรือตุลย์ให้พี่ชาย ลูเซียนนั้นใช้ขว้างโจมตีผู้ถือดาบแห่งพิจิกทั้งปลดอาวุธลงทันที นายแบบหนุ่มขว้างดาบให้ ทำให้เด็กชายได้ถือดายแห่งพิจิกและมืออีกข้างถือธนูแห่งคีรอน เกิดเป็นภาพเอลฟ์วัยเยาว์ผู้ทั้งถือดาบและธนูแสนสง่างามท่ามกลางแสงดาวและท้องฟ้าที่สวยจับตา
“ไม่ได้ ข้ายังไม่ได้ภรรยาของข้ากลับคืนมาเลย ข้าต้องกลับไปที่สถานีเจมินี่” แวมไพร์วิ่งไปหาพนักงานอีกคนหนึ่งที่ถูกควบคุมเป็นคนที่สามซึ่งอยู่ในสภาพไม่ได้สติ ตั้งใจจะกัดและเปลี่ยนให้เป็นทาสของตน
ฉึก!!!!!!!!!!!!
“อั่ก” แวมไพร์เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์โดยที่มือยังถือแก้วชุบชีวิตไว้ “ข้าไม่ยอมจบคนเดียว”
มีดสั้นบินเข้ามายังเร็กซ์แต่ลูเซียนผลักน้องเบี่ยงวิถีทำให้ตนโดนอาวุธที่อาบยาพิษที่แขนได้แผลยาวถึงศอก นายแบบหนุ่มล้มลง สองพี่น้องหันมามองศัตรูที่นอนนิ่ง
“ลอร่า เธออยู่นี่เองเหรอ” แวมไพร์พึมพำระหว่างนอนด้วยลมหายใจรวยริน ดวงตาปรือลงอย่างอ่อนล้า ภาพที่เขาเห็นคือภรรยาสาวที่แสนงดงาม ผมน้ำตาลแดงเป็นลอนประกาย ดวงตาสีฟ้า และผิวขาวดุจน้ำนม เรือนร่างโค้งเว้าแห่งอิสตรี “มาหาข้าแล้ว จะไม่จากข้าไปอีกแล้วใช่มั้ย พาข้าไปด้วย พาข้าไป”
สม็อกค่อยๆ เอื้อมมือราวกับจะไขว่คว้าอะไรสักอย่าง ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยโหดเหี้ยมกลายเป็นสายตาแห่งความเศร้าและโหยหา ทั้งเปี่ยมสุข น้ำตาใหลออกมาเปื้อนหน้าไม่ขาดสาย
“ลอร่า ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน พาข้าไปอยู่ด้วยนะ....”
เวลานั้นเอง มือของสม็อก ดราโกเมียร์ก็แน่นิ่ง ร่างกายถูกแสงตะวันจนกลายเป็นเพียงฝุ่นสีหมองล่องลอยหายไป
“น่าสงสาร...” ลูเซียนพึมพำเบาๆ
“ขอให้ไปสู่สุขคตินะครับ คุณสม็อก” เร็กซ์กล่าวทั้งไว้อาลัย จากนั้นหันมาประคองพี่ชาย “พี่ฮะ ไหวไหมฮะ”
“ม.... ไม่เป็นไร” แต่ว่านายแบบหนุ่มหน้าซีดทั้งที่ปกติผิวของเขาก็ขาวสว่างอยู่แล้ว ยามไม่สู้ดียิ่งซีดเซียว ร่างแกร่งล้มลงไปด้วยความทรมาน ปล่อยผมสีดำประกายน้ำเงินสยายไปตามพื้น ร่างกายเย็นเฉียบทั้งที่เหงื่อออก
“พี่ฮะ” เร็กซ์ตกใจทำอะไรไม่ถูกที่เห็นพี่ชายเลือดไหลมากขึ้นทั้งหน้าซีด ทุรนทุรายอย่างทรมาน
“รีบใช้คนโทน้ำอมฤตเถอะครับ” ฮูเออร์เดินมาโดยถือคนโทแห่งอควาเรียสซึ่งสภาพเจ้าตัวก็บาดเจ็บไม่แพ้กัน “น้ำอมฤตช่วยเยียวยาบาดแผลและชำระล้างแม้แต่พิษ ทั้งยังเป็นเครื่องดื่มเพื่อความเป็นนิรันดร์ของเทพเจ้า คุณลูเซียนน่าจะดีขึ้น หากได้น้ำอมฤตนี้”
เร็กซ์รีบประคองพี่ชายดื่มน้ำอมฤตซึ่งเป็นเครื่องดื่มใสจากคนโทที่สวยงาม เหล่าแกะทองคำพากันล้อมทั้งสามคนเหมือนจะลุ้นว่า พี่ชายของเด็กน้อยทายาทสายเลือดผู้วิเศษคนสุดท้ายจะเป็นอย่างไรบ้าง พวกมันเงียบกริบราวกับหยุดหายใจ ส่วนเร็กซ์หลังจากให้นายแบบหนุ่มได้ดื่มน้ำอมฤตแล้วนั้น เขารู้สึกกระวนกระวายน้ำตาคลอจนใหล เมื่อพบว่า พี่ชายได้นอนนิ่งสงบลง ริมฝีปากสีชมพูซีดแห้ง ร่างกายที่เย็นเฉียบ หัวใจค่อยๆ เต้นช้าแผ่วเบาลง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่ฮะ”
......
“ได้ยินเสียงผมมั้ย ตื่นเถอะฮะพี่”
......
“พี่......” เด็กชายเสียงสั่น เริ่มสะอื้น
ฮูเออร์ใจหาย ทั้งรู้สึกเสียใจ ความผิดที่ตัวเขาเหมือนเป็นต้นเหตุทำให้ใครสักคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องข้องต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงลูกแกะตัวหนึ่งร้อง
“แบะ....”
ฮูเออร์สังเกตว่านิ้วเรียวยาวสวยของนายแบบหนุ่มเริ่มกระดิก ก่อนที่เริ่มขยับตัว
“เร็กซ์?” ลูเซียนปรือตาขึ้นมา เห็นน้องชายกำลังร้องไห้
“พี่ฮะ” เด็กชายปาดน้ำตาด้วยความดีใจ
“ขอบคุณพระเจ้า” ฮูเออร์น้ำตาไหลด้วยความสุขยินดี ด้านหลังมีเหล่าพวกแกะน้อยส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
“ผมต้องขออภัยด้วยจริงๆครับ ที่ผมนั้นมันสะเพร่าเอาเรื่องที่ตัวเองที่ไม่สามารถสะสางได้มาให้ แถมทำให้คุณผู้โดยสารต้องเสี่ยงอันตรายด้วย ที่เลวร้ายไปวกว่านั้น เข้าใจผิดและกล่าวหาคุณสม็อกอย่างไม่สมควร” เวลาต่อมาหลังจากทุกอย่างลงเอยด้วยดี ทุกอย่างเป็นไปตามปกติแล้ว ฮูเออร์ได้นั่งคุกเข่าต่อเร็กซ์และลูเซียน ขอขมาในความผิดพลาดของตัวเอง
“ทำไมถึงคัดผู้โดยสารมาชมรถไฟเพียงปะครั้งเหรอครับ”
“นั่นเป็นเพราะแผนทดสอบว่าผู้ที่เราเชิญมานั้นมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นทายาทดูแลการกรถไฟที่นี่คนต่อไปหรือไม่น่ะครับ เพราะอีกสมัยต่อไป ผมคงต้องเกษียณตัวเองออกได้แต่นั่งดูคนรุ่นหลังประคองสิ่งที่ผมสร้างไว้ ซึ่งเราทำกันมาแบบนี้ตลอดหลายร้อยปี” บุรุษสีขาวกล่าว “ผมต้องสารภาพว่าผมเคยหวังว่าคุณสม็อกจะสามารถพอให้การรถไฟนั้นเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ เขาเปลี่ยนไปด้วยความรักและความเมตตาแต่ว่าเขาได้เปลี่ยนไป ปีของคุณสม็อกนั้น เราได้ทำตั๋วรถไฟให้เขามาชมที่นี่ล่วงหน้าหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นระบบสมัยก่อนของเรา ปีแต่ปีนี้ที่เราคัดเลือกและเชิญผู้โดยสารแบบเร่งด่วน ระหว่างที่เขารอวันที่จะมาสถานีรถไฟ ภรรยาของเขาคงเสียชีวิตซะก่อน ทำให้เขาเปลี่ยนไปแบบนี้”
“....” ลูเซียนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“ผมเข้าใจครับ” เร็กซ์สีหน้าเห็นใจ
“ตอนที่ผมพบคุณเฮฟเว่น ผมรู้สึกดีใจมาก กว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมานั้น ตั้งแต่เหล่าเผ่าพันธุ์อมมนุษย์ ผู้วิเศษ และเหล่าผู้ที่เป็นสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจอยู่แยกออกไปจากโลกมนุษย์ เราก็ไม่เคยเจอใครที่มีสายเลือดพิเศษอย่างคุณอีกเลย ทั้งยังเป็นสายเลือดผู้วิเศษกับเอลฟ์...”
“คุณรู้ได้ยังไงเหรอฮะ”
“คุณไม่เหมือนคนอื่นคุณเฮฟเว่น มีลักษณะบางอย่างของคุณที่โดดเด่น ซึ่งตัวคุณเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าไหม ตั้งแต่คุณเข้ามาที่นี่ สายลมอ่อนโยนมาก ดวงดาวเปล่งประกายงดงามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังสมบัติแห่งจักรราศีที่นี่ก็พยายามช่วยคุณเต็มที่ แถมคุณยังสามารถควบคุมรถไฟได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งที่ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่มีใครขับมันได้”
“อย่างนั้นเหรอครับ” เด็กชายแปลกใจ
“คุณเฮฟเว่นครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจ คุณยินดีที่จะมาเป็นผู้ดูแลระบบแห่งโชคชะตาและดูแลรถไฟที่นี่ต่อไปได้ไหมครับ”
“ผมเหรอฮะ...”
“ครับ...”
เด็กชายหันไปมองลูเซียนซึ่งนายแบบหนุ่มก็พยักหน้าที่สื่อไปถึงแล้วแต่การตัดสินใจของเขาเอง ซึ่งเร็กซ์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“ไม่เป็นไรครับ เราไม่อยากให้คุณด่วนตัดสินใจไป”
“ไม่เป็นไรฮะ” เร็กซ์ยิ้ม “อันที่จริง ผมชอบที่นี่และรักดวงดาวมาก แต่ว่าจุดมุ่งหมายของผมคือการได้อยู่กับพี่ชาย เรามีกันสองพี่น้อง ผมอยากจะออกไปข้างนอกเพื่อเรียนรู้อะไรอีกมากมาย ถึงตอนนั้น.... บางที ผมอาจจะได้เจอพ่อแม่ของผมที่ไหนสักแห่ง”
“นั่นสินะครับ” ฮูเออร์ยิ้มฝืนๆ ทำท่าเหมือนต้องปลงใจ “แล้วคุณก็ได้ค้นพบพลังและสายเลือดในตัวเองแล้ว อ้อ จริงด้วย นอกจากชมสถานีของเราเป็นทางการยังไม่ครบดีแล้ว เรายังไม่ได้ลงไปเที่ยวชมภาพอนาคตของแต่ละท่านเลย ผมนี่พอแก่แล้วหลงๆ ลืมๆ”
“ฮะๆ นั่นสินะฮะ” เร็กซ์หัวเราะ
แล้วทั้งสามคนก็มาเยือนที่สถานีแคปริคอร์นอีกครั้ง ซึ่งเร็กซ์อ่านพลางฟังการบรรยายของฮูเออร์เช่นเคย บางทีก็จดบันทึกลงในไดอารี่ของตัวเอง สถานีแห่งสายน้ำและธรรมชาติ....
“คุณลูเซียนแน่ใจเหรอครับว่าจะไม่ต้องการดูภาพพยากรณ์อนาคตจากที่นี่จริงๆ”
“ไม่หรอกครับ ผมเองก็พอใจชีวิต ณ จุดนี้แล้ว” นายแบบหนุ่มตอบ
“นึกว่าจะได้รู้สักหน่อยว่าคุณเป็นสายเลือดอะไร” ฮูเออร์แอบแหย่ “ต่อนะครับ สถานีที่นี้ได้สร้างขึ้นและตกแต่งด้วยเรื่องราวของมังกรผู้เป็นเทพแห่งสายน้ำและยังดูแลธรรมชาติ แม้ว่าหลายตำนานจะกล่าวถึงมังกรนิสัยแย่ๆ อยู่มากมายก็ตาม และจักราศีนี้ยังเกี่ยวข้องกับฤดูกาลและเทพเจ้าเจนัสซึ่งเทพเจ้าแห่งทางเลือกอีกด้วยครับ คราวนี้เราจะมายังทางเลือกอนาคตของคุณเฮฟเว่นกันนะครับ”
สักพักใหญ่ทั้งสามก็มายังป้ายชื่อ เร็กซ์ เฮฟเว่นที่แกะสลักด้วยหินแกร่งสีขาว ข้างหน้าเป็นสายหมอกทึบ แต่ไม่ได้ดูน่ากลัวหรือลึกลับแต่อย่างใด ด้วยความเย็นสบายและกลิ่นดอกไม้หอมละมุน อีกทั้งยังมีแสงสว่าง
“ผมส่งตรงนี้นะครับ ตามจรรยาบรรณแล้ว ผมไม่ควรลอบเข้าไปชมอนาคตของผู้อื่น ไม่งั้นจะทำให้ผิดเพี้ยน”
“พี่ฮะ จะไปด้วยกันรึเปล่าฮะ”
“ไม่เป็นไร ผมจะรอตรงนี้”
“ผมอยากให้พี่ไปกับผมด้วย” เขาจับมือพี่ชายไว้
ลูเซียนยิ้ม เดินไปกับน้องชายตัวเล็กๆ อย่างยินดี เร็กซ์รู้สึกแปลกใจที่เส้นทางอนาคตมันไม่ได้ดูคดเคี้ยวหรือซับซ้อนอย่างที่จินตนาการเอาไว้ การเดินทางท่ามกลางแสงสว่างยาวนานพอที่ทำให้หมอกที่เคยหนาทึบห่างหายไป และเริ่มค่อยๆ เห็นภาพบางอย่าง
ชายหนุ่มร่างสูงผมสีดำยาวสวย อยู่ในชุดนักรบที่สง่างามกล้าแกร่ง ในมือมีทั้งธนูและดาบคู่ ขี่ม้าอย่างองอาจ เป็นภาพที่ไม่ว่าใครเห็นก็ไม่อาจละสายตาได้ และยังมีผู้หญิงจำนวนมากหลงใหลในตัวเขา ปรารถนาที่จะเจ้าสาวของเขา นักรบที่หล่อเหลานั้นเหมือนเจ้าชายผู้สูงส่งโดยแท้ อีกทั้งยังสามารถต่อสู้กับปีศาจร้ายอย่างชำนาญและเก่งกาจ เป้นภาพที่น่าสนใจไม่น้อย
“มีอะไรน่ะเร็กซ์”
“ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเข้ามาดูอนาคตผิดที่ แต่ ผมไม่เห็นตัวผมเลยครับ”
“ไม่เห็นจริงๆ เหรอ” ลูเซียนหัวเราะคิกคัก
สุดท้าย งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา เร็กซ์กับลูเซียนได้ค่อยลงบันไดดวงดาวลงมาและปิดประตูไม้ที่เขาเข้ามานั้น ฮูเออร์ยิ้มและโค้งคำนับอย่างงดงามและนอบน้อมที่สุด
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ เรายินดีต้อนรับทั้งสองท่านเสมอขอเพียงมาเยือนที่นี่ หรือเรียกหากระผม” บุรุษสีขาวกล่าวอย่างนิ่มนวล “ผมหวังอย่างยิ่งว่าจะได้พบคุณเฮฟเว่นและคุณลูเซียนอีกครั้ง”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ ผมสนุกมาก ถ้ามีโอกาสผมจะแวะมาเยี่ยมแกะทองคำอีกนะครับ”
“พวกมันคงคิดถึงคุณแย่เลย คุณเฮฟเว่น” ฮูเออร์หัวเราะ “แล้วจากนี้ไป ทางเราจะส่งน้ำอมฤตไปให้คุณลูเซียนนะครับ”
“ขอบคุณครับ” นายแบบหนุ่มยิ้มๆ แต่เป็นการยิ้มแหยๆ นิดๆ
“ขอบคุณมากครับ”
“การรถไฟแห่งHZARTยินดีที่ได้บริการทุกท่าน ขอขอบพระคุณครับ” แล้วฮูเออร์ก็หายไปพร้อมกับประตูไม้ที่แกะสลักสวยงามจากหอดูดาวที่แสนกว้างใหญ่และเงียบสงบนั้น ทั้งสองคนได้หันหลังทิ้งเรื่องราวที่ผ่านมาเอาไว้เบื้องหลังนั้นเอง
~จบบริบูรณ์~
ผลงานอื่นๆ ของ Patchouri ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Patchouri
ความคิดเห็น